อ่านหนังสือเพียง 6 นาที สามารถลดระดับความเครียดลงได้ถึงร้อยละ 68 นักวิจัยพบว่า การอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ คนเดียวทำให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลงและบรรเทาความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ การอ่านยังมีประสิทธิผลมากกว่ากิจกรรม “ผ่อนคลาย” แบบอื่นๆ ที่นิยมกัน
“การอ่านเป็นวิธีช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ดีที่สุด
และอ่านหนังสือเพียง 6 นาที
ก็สามารถลดระดับความเครียดได้มากกว่า 2 ใน 3”
คำบอกกล่าวและผลการวิจัยนี้ได้เผยแพร่ในวงกว้าง
ในหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ ฉบับวันที่ 30
มีนาคม 2009 อ้างถึงงานวิจัยของมหาวิทยาลัยซัสเซกซ์
(University of Sussex) ประเทศอังกฤษ
การวิจัยดังกล่าวนี้ พบว่า
การอ่านหนังสือช่วยให้ประสาทที่เหนื่อยล้าสงบลงได้ ดีกว่าและเร็วกว่าการผ่อนคลายด้วยวิธีอื่นๆ
เช่น การฟังดนตรี การเดินเล่น หรือการนั่งจิบชา
นักจิตวิทยา-นักประสาทวิทยา อธิบายว่า
นี่เป็นเพราะ “จิต” (mind) ของมนุษย์ต้องมุ่งสมาธิเพื่อการอ่าน และการเบนอารมณ์ไปกับโลกของตัวอักษร
ช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและหัวใจได้
การวิจัยนี้ทดลองกับกลุ่มอาสาสมัคร
โดยมีสถาบันมายด์แล็บอินเตอร์เนชั่นแนล แห่งมหาวิทยาลัยซัสเซกซ์ เป็นที่ปรึกษา
คัดเลือกกลุ่มอาสาสมัครที่มีระดับความเครียดและอัตราการเต้นของหัวใจที่อยู่ในระดับสูงอยู่ตลอดเวลามาเป็นกลุ่มทดลอง
โดยให้กลุ่มอาสาสมัครทดสอบด้วยวิธีการต่างๆ ได้แก่ อ่านหนังสือ ฟังดนตรี เดินเล่น
นั่งจิบชา เล่นวีดิโอเกม
จากนั้นก็นำแต่ละคนไปตรวจวัดระดับความเครียดด้วยวิธีการทางการแพทย์
นี่คือรายงานของคณะแพทย์ทางประสาทวิทยาผู้วิจัย
“การอ่านหนังสือ ให้ผลดีที่สุด
คือลดระดับความเครียดได้ถึงร้อยละ 68”
คำอธิบายขยายความในทางการแพทย์
มีดังนี้
“สิ่งที่เราพบคือ ต้อง อ่านในที่เงียบๆ และใช้เวลา 6 นาที จะช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจค่อยๆ
ช้าลง และช่วยคลายความตึงตัวของประสาทและกล้ามเนื้อ
ซึ่งก็คือระดับความเครียดของพวกเขาลดต่ำลงกว่าตอนที่พวกเขาเริ่มต้น”
ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ได้ผลต่างออกไป
ได้แก่
การฟังดนตรี ลดระดับความเครียดได้ร้อยละ 61
การนั่งจิบชา ความเครียดลดลงได้ร้อยละ 54
การเดินเล่น ลดระดับความเครียดลงได้ร้อยละ 42
ส่วน การเล่นวีดิโอเกม
ทำให้ระดับความเครียดลดลงได้ร้อยละ 21
แต่อาสาสมัครมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้นกว่าตอนที่พวกเขาเริ่มต้น
นพ. เดวิด เลวิส หัวหน้าคณะผู้วิจัย
ย้ำข้อสรุปที่ได้ว่า “การปล่อยอารมณ์ไปกับการอ่านหนังสือ
เป็นวิธีช่วยผ่อนคลายที่ได้ผลสูงสุด” ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ “ในยุคเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน เราต่างก็อยากจะหลบเลี่ยงไปที่ใดสักแห่ง”
ที่ว่า “อ่าน” ต้องอ่านหนังสืออะไรเป็นพิเศษหรืออย่างไร
?
คุณหมอนักประสาทวิทยาทางสมองบอกว่า “ไม่สำคัญว่าคุณจะอ่านหนังสืออะไร
แต่การปล่อยตัวเองเข้าไปสนใจเรื่องราวในหนังสืออย่างดื่มด่ำ
สามารถช่วยให้คุณหลบหนีจากความกังวลและความเครียดในชีวิตประจำวันได้แล้ว และใช้ช่วงเวลาชั่วขณะนั้นสำรวจสิ่งที่เป็นจินตนาการของผู้เขียน”
ย้ำกันอีกครั้ง อ่านหนังสือเพียง 6 นาที สามารถลดระดับความเครียดลงได้ถึงร้อยละ 68
นักวิจัยพบว่า การอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ
คนเดียวทำให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลงและบรรเทาความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้ การอ่านยังมีประสิทธิผลมากกว่ากิจกรรม “ผ่อนคลาย”
แบบอื่นๆ ที่นิยมกัน เช่น การฟังดนตรี หรือการนั่งจิบชา
นั่นเพราะ
การอ่านจะพาเราเข้าไปสนใจเรื่องราวในหนังสือ
เมื่อจดจ่ออยู่ในนั้นคุณก็สามารถจะหนีไปจากความกังวลและความเครียดได้ มากไปกว่านั้นคุณก็จะได้ท่องไปกับสิ่งที่เป็นจินตนาการที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนั้น
ความเพลิดเพลินที่ได้พลิกพลิ้วไปกับอารมณ์ต่างๆ ในเรื่อง จะนำพาอะไรๆ
มาให้ผู้อ่านได้อีกไม่น้อย
หัวหน้าคณะผู้วิจัยอธิบายว่า
“นี่ไม่ใช่แค่การเบนความสนใจเท่านั้น
แต่การเข้าไปในจินตนาการของถ้อยคำที่พิมพ์อยู่บนหน้ากระดาษ
จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณ
และทำให้จิตใต้สำนึกของคุณสร้างทางเลือกใหม่ขึ้นมา”
เช่นนี้แล้ว หากเป็นวรรณกรรมชั้นดี
บันเทิงคดีที่ลึกซึ้งด้วยคุณค่าสถิตย์
จะยิ่งโน้มนำให้ผู้อ่านไปได้อีกหลายชั้นหลายเชิง ทำให้ผู้อ่านได้ ‘เคี้ยวเอื้อง’ ตัวหนังสือที่สานร้อยถ้อยกระทงความด้วยกระแสความคิด
จินตนาการ จิตวิญญาณ
การวิจัยของคณะแพทย์ทางประสาทวิทยากลุ่มนี้
ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทกาแล็กซี่ (บริษัทผลิตภัณฑ์ประเภทช็อคโกแลต)
ภายหลังจากรายงานผลการวิจัยออกมา 6
เดือน บริษัทกาแล็กซี่ ก็ได้ประกาศรณรงค์ครั้งใหญ่ให้ลูกค้าได้อ่านหนังสืออย่างถ้วนทั่วหน้า
ด้วยการแจกหนังสือฟรี 1 ล้านเล่ม ทั่วสหราชอาณาจักร
ใครจะเอาไอเดียนี้ไปใช้ สมควรได้รับอนุโมทนาจากชาวประชาผู้ (อยากให้คน)
รักการอ่านทั้งหลาย
อ่านหนังสือไม่เพียงทำให้เราได้พักใจ
ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้เท่านั้น ความสุขจากหนังสือยังมีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินชีวิต
เพิ่มพฤติกรรมสุขภาพที่ดีได้อีกด้วย ดังนั้น
ลดความเครียดด้วยการอ่านและทำอารมณ์ให้แจ่มใสในทุกๆ วันด้วยหนังสือเล่มใหม่ๆ
ที่ชวนให้เพลิดเพลินจำเริญใจ
บทความโดย ถิรนันท์ อนวัชศิริวงศ์ และพิรุณ อนวัชศิริวงศ์
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมการอ่าน